
ทำไมเหตุขีปนาวุธตกในโปแลนด์จึงเป็นเรื่องใหญ่
เพราะเหตุไรเหตุจรวดนำวิถีตกใน โปแลนด์ จึงเป็นเรื่องใหญ่
เวทีการทูตระหว่างประเทศกำลังอยู่ในความอลหม่านหลังมีจรวดนำวิถีตกลงในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในโปแลนด์ที่ใกล้กับชายแดนยูเครน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นภายหลังรัสเซียระดมยิงจรวดนำวิถีจู่โจมยูเครนระลอกใหม่ทั่วราชอาณาจักรเมื่อ 15 พฤศจิกายน เพียงแค่ไม่กี่ครั้งหน้าจากถอนทหารออกมาจากเมืองแคร์ซอน
ช่วงนี้หลายข้าง โดยเฉพาะสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ต่างรีบซักถามข้อสรุปที่เกิดขึ้น เนื่องด้วยโปแลนด์เป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรด้านการทหารนี้
อย่างไรก็ดี วันนี้ (17 พฤศจิกายน) เลขาธิการองค์การนาโตให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุกระจายเสียงบีบีซีว่า จรวดนำวิถีที่ตกในโปแลนด์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน น่าจะมาจากฝั่งยูเครน
“มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานของยูเครน” เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต กล่าวกับสถานีวิทยุกระจายเสียงบีบีซี พร้อมเสริมว่า กำลังดำเนินการสอบสวนถึงเหตุดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วที่เกิดขึ้นใกล้กับชายแดนยูเครน
แต่เขาย้ำว่า รัสเซียเป็นฝ่ายไม่ถูกแล้วก็จะต้องรับผิดชอบต่อการรุกรานยูเครน ที่นำมาสู่เหตุการณ์นี้
ด้านรัฐบาลยูเครนยืนกรานว่า จรวดนำวิถีดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วเป็นของกองทัพรัสเซีย
“ผมเชื่อมั่นว่า นั่นไม่ใช่ขีปนาวุธของเรา” ผู้นำโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ประกาศในการปราศรัยถ่ายทอดสดผ่านทีวี “ผมเชื่อว่านั่นเป็นขีปนาวุธรัสเซีย ตามรายงานทางกองทัพของพวกเรา”
ผู้นำยูเครนยังชี้ว่า ยูเครนควรจะได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมสำหรับเพื่อการสืบสวนถึงเหตุจู่โจมที่เกิดขึ้นห่าง 6 กม. จากชายแดนยูเครน
เกิดอะไรขึ้น?
จรวดนำวิถีดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วตกใส่หมู่บ้านเพรโวโดฟ ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของโปแลนด์ ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนยูเครนราวๆ 6 ก.ม. เมื่อเวลาเช้าวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ส่งผลให้คนงานชาวโปแลนด์สถานที่ทำงานในฟาร์มที่จรวดนำวิถีตกใส่เสียชีวิต 2 คน
ในเบื้องต้นข้าราชการโปแลนด์รายงานว่า จรวดนำวิถีดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วเป็นจำพวกที่ถูกผลิตขึ้นในรัสเซีย แต่ รัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างสิ้นเชิง โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่าข้อกล่าวหานี้เป็น “การเจตนายั่วยุให้สถานการณ์ร้ายแรงขึ้น”
นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบผู้นำรัสเซียระบุว่ายังไม่มีข้อมูลเรื่องนี้ ในขณะที่ Ria Novosti สำนักข่าวของทางการรัสเซียชี้ว่าจรวดนำวิถีดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วเป็นของยูเครน
นายดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนระบุว่า ข้อกล่าวหาว่ายูเครนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดคราวนี้เป็น “ทฤษฎีสมคบคิด” ของรัสเซีย แล้วก็ผู้ที่ขยายเนื้อความนี้กำลังเผยแพร่ “โฆษณาชวนเชื่อของรัสเซีย”
ในขณะที่ผู้นำอันเดรจ ดูดา ของโปแลนด์ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าในตอนนี้ยังไม่เคยรู้ชัดเจนว่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วก็กลุ่มสอบสวนกำลังรีบประเมินความเป็นไปได้ทั้งปวง
“ขณะนี้เรายังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าใครคือผู้ยิงขีปนาวุธลูกนี้…มีความเป็นไปได้สูงว่ามันคือขีปนาวุธที่ผลิตขึ้นโดยรัสเซีย แต่เรื่องนี้ยังอยู่ในระหว่างการสืบสวน” เขากล่าว
อย่างไรก็ดี เขาระบุในเวลาถัดมาว่า “มีความเป็นไปได้มาก” ว่าจรวดนำวิถีดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วมาจากระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน
ภาพที่เผยแพร่ทางออนไลน์ชี้ให้เห็นหลุมขนาดใหญ่ในรอบๆที่สื่อโปแลนด์รายงานว่าเป็นพื้นที่เพาะปลูก ส่วนอีกรูปเผยให้เห็นเศษองค์ประกอบจรวดนำวิถี
โปแลนด์ กับ ปฏิกิริยาโลกเป็นอย่างไร
เหตุระเบิดคราวนี้เกิดขึ้นขณะที่บรรดาหัวหน้าโลกกำลังร่วมการสัมมนาจี 20 ที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซีย
ผู้นำ โจ ไบเดน ระบุว่า “ไม่น่าเป็นไปได้” ที่รัสเซียจะยิงจรวดนำวิถีลูกนี้ พร้อมเผยว่าได้โทรศัพท์เสวนากับผู้นำโปแลนด์แล้ว
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างข้อมูลที่ได้มาจากข้าราชการสหรัฐฯ ผู้ไม่เปิดเผยนามหลายท่านที่ระบุว่า ข้อมูลในเบื้องต้นระบุว่าจรวดนำวิถีอาจมาจากระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน ที่พยายามยิงสกัดจรวดนำวิถีที่รัสเซียยิงเข้าจู่โจม
ในขณะที่นายกฯ ริชี ซูแน็ก กล่าวในงานแถลงข่าวห้องประชุมจี 20 ว่า สหราชอาณาจักรแล้วก็ผู้สนับสนุนกำลังพยายามตรวจสอบข้อสรุปเกี่ยวกับในกรณีที่เกิดขึ้น
แต่ บรรดาผู้นำชาติตะวันตกที่ไปร่วมสัมมนาจี 20 ได้ออกคำอธิบายประณาม “การจู่โจมด้วยจรวดนำวิถีที่ทารุณไร้มนุษยธรรม” ของรัสเซียต่อเมืองต่างๆทั่วยูเครน
ด้านจีนเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวอยู่ในความสงบแล้วก็ใช้ความอดทนอดกลั้นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย
ประธานาธิบดีอาลาร์ เคอริส ของเอสโตเนียบอกกับบีบีซีว่า มองเรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียว แต่ชี้ว่าการรบคราวนี้จะต้องจบอย่างรวดเร็วที่สุด
ผู้นำ เรเจป ทายยิป แอร์โดอัน ของประเทศตุรกีกล่าวว่า นับถือคำอธิบายของรัสเซียที่ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้ยิงจรวดนำวิถีใส่ดินแดนโปแลนด์ แล้วก็เชื่อว่ารัฐบาลรัสเซียไม่มีส่วนเกี่ยวในเรื่องนี้
นายเพกกา ฮาวิสโต รัฐมนตรีเมืองนอกฟินแลนด์ระบุว่า เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทราบรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วก็จัดแจงเรื่องนี้อย่างเหมาะสม
ในขณะที่นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่าคณะผู้แทนกลุ่ม จี7 แล้วก็นาโต พร้อมให้ความช่วยเหลือโปแลนด์สำหรับเพื่อการสอบสวนเรื่องนี้
เพราะเหตุไรเหตุระเบิดคราวนี้จึงเป็นเรื่องใหญ่
เนื่องด้วยโปแลนด์เป็นหนึ่งในสมาชิกของนาโต จึงทำให้กลุ่มพันธมิตรด้านการทหารนี้เฝ้าจับตาเหตุการณ์นี้อย่างใกล้ชิด โดยนักการทูตนาโตได้เรียกสัมมนาฉุกเฉินในกรุงบรัสเซลส์ในวันนี้ (16 พฤศจิกายน) เพื่อประเมินการจัดการกับกรณีที่เกิดขึ้น
นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโตระบุว่า ได้เสวนากับผู้นำ ดูดา ของโปแลนด์แล้ว แล้วก็นาโตกำลัง “เฝ้าติดตามเหตุการณ์
หลายฝ่ายชี้ว่าในกรณีที่เกิดขึ้นอาจทำให้โปแลนด์ขอร้องด้านการทหารจากนาโต
นายยาเซก เซียเวียรา หัวหน้าสำนักงานความยั่งยืนและมั่นคงแห่งชาติโปแลนด์ระบุว่า “พวกเรากำลังตรวจสอบในกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งพวกเราบางทีอาจใช้มาตรา 4”
มาตรา 4 ที่เขาเจาะจงคือ ตามมาตรา 4 ของนาโต ที่ระบุว่าชาติสมาชิกสามารถปรึกษาหารือและขอคำแนะนำต่อห้องประชุมนาโตถึงข้อกังวลว่าในกรณีที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นภัยคุกคามต่อบูรณภาพแห่งดินแดน เอกราชด้านการเมือง หรือความยั่งยืนและมั่นคงของชาติหรือไม่ ซึ่งถ้าเกิดเห็นด้วยว่าเป็นภัยรุกรามจริงก็จะเข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา 5 ที่ชาติสมาชิกนาโตทั้งหมดจะต้องเข้าร่วมกันปกป้องชาติสมาชิกที่ถูกจู่โจม
นาโตจะทำอะไรบ้าง
เลขาธิการนาโตให้คำมั่นว่า จะโต้ตอบการจู่โจมครั้งใหญ่ของรัสเซียด้วยการ “ส่งมอบระบบต่อต้านอากาศยานระดับสูงให้ยูเครน” แม้ว่ายูเครนจะไม่ได้เป็นสมาชิกนาโต
“วันนี้ ผมได้เข้าร่วมการสัมมนากับกลุ่มที่เกื้อหนุนยูเครน ซึ่งล้วนเป็นผู้สนับสนุนของนาโต เพื่อให้คำมั่นว่าจะมอบระบบต่อต้านอากาศยานระดับสูงให้ยูเครน เพื่อยิงสกัดขีปนาวุธจากรัสเซีย” เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก กล่าว
“แต่หนทางที่ดีที่สุด เพื่อรับมือสถานการณ์นี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต คือ รัสเซียต้องยุติสงคราม”
“เราไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่า นี่เป็นการตั้งใจโจมตีจากรัสเซีย” นายสโตลเทนเบิร์ก ระบุ พร้อมเสริมว่า “แต่ไม่มีข้อสงสัยเลยว่า รัสเซียจะต้องรับผิดชอบ เพราะเหตุว่าเหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นหากรัสเซียไม่ระดมยิงจรวดนำวิถีใส่หลายเมืองของยูเครนก่อน เสมือนที่ทำมาบ่อยมากแล้ว ตลอดการรบครั้งนี้
ที่ผ่านมา ดร.เจมี เชีย สมัยก่อนรองผู้ช่วยเลขาธิการฝ่ายภัยคุกคามความมั่นคงฉุกเฉินของนาโต ระบุว่า การรับมือของนาโตต่อกรณีที่เกิดขึ้นในโปแลนด์จะเป็นไปโดยอัตโนมัติไม่มากมายก็น้อย
เขาชี้แจงเรื่องนี้ว่า “โปแลนด์สามารถใช้มาตรา 4 เพื่อเรียกสัมมนานักการทูตนาโตได้พรุ่งนี้เช้าตรู่ (16 พฤศจิกายน)”
“แม้กระนั้นถึงโปแลนด์จะไม่ทำเช่นนั้น นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต ก็บางทีอาจเรียกสัมมนาในทันทีทันใดถ้าเกิดตรึกตรองว่าเหตุการณ์มีความร้ายแรง” เขากล่าว
ดร.เชีย กล่าวต่อว่า นาโตจะรอดูข้อสรุปทั้งปวงที่โปแลนด์มีเกี่ยวกับในกรณีที่เกิดขึ้น “น่าสนใจที่กำลังจะได้รู้ดีว่าโปแลนด์จะขอให้ประเทศพันธมิตรช่วยเหลืออะไรบ้าง ซึ่งการลงความเห็นหนึ่งเดียวกันเป็นสิ่งที่เป็นไปโดยอัตโนมัติ แล้วก็ผมแน่ใจว่านาโตจะมอบสิ่งนี้ให้แก่โปแลนด์”